ใครบ้างที่ควรขลิบ
◉ ผู้ที่มีภาวะหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายปิดในเด็กแรกเกิด และไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาครีมสเตียรอยด์
◉ ผู้ที่มีประวัติรูดหนังหุ้มปลายลงแล้วรูดกลับขึ้นไม่ได้
◉ ผู้ที่มีอายุเกินสี่ขวบแล้ว แต่ยังรูดหนังหุ้มปลายไม่ได้
◉ ผู้ที่ปัสสาวะลำบาก มีการโป่งพองของหนังหุ้มปลายขณะปัสสาวะ
◉ ผู้ที่มีการอักเสบที่ปลายอวัยวะเพศ มักเกิดในคนที่หนังหุ้มปลายรูดเปิดยาก หรือผู้ที่หลังปัสสาวะแล้ว ไม่ค่อยรูดเปิดทำความสะอาด ทำให้มีการสะสมของเชื้อโรคจนทำให้เกิดการอักเสบที่ปลายอวัยวะเพศ โดยในบางรายอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนได้
◉ ผู้ที่มีข้อบ่งชี้ทางด้านศาสนา เช่น ศาสนายิว ศาสนาอิสลาม
◉ ผู้ที่มีหนังหุ้มปลายรัดองคชาติ ทำให้ปวด และบวม
◉ ผู้ที่มีหนังหุ้มปลายหนาเกินไปจนไม่สามารถเปิดออกเองได้ ในบางรายอาจเกิดความเจ็บปวดเวลาอวัยวะเพศแข็งตัว
ประโยชน์ของการขลิบหนังหุ้มปลาย
◉ ความสะอาด
หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศที่ยาว หรือ ไม่เปิด อาจจะเป็นสาเหตุให้ปัสสาวะลำบาก หรือ เจ็บปวดเวลามีเพศสัมพันธ์ได้ อีกทั้งการที่ทำความสะอาดได้ยากก็สามารถเป็นสาเหตุของการอักเสบได้ดังนั้น การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ จะสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้โดยตรงได้
◉ ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งองคชาต
งานวิจัยหลายฉบับพบว่า การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตั้งแต่วัยเด็กสามารถป้องกันมะเร็งองคชาตได้ชัดเจน และถึงแม้จะเป็นการขลิบในวัยผู้ใหญ่ก็จะสามารถให้ทำความสะอาดและดูแลสำรวจอวัยวะเพศของตนเองได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถมาพบแพทย์ได้รวดเร็วตั้งแต่เริ่มมีรอยโรคใดๆ
◉ ลดโอกาสในการติดเชื้อ HIV และ HPV
นอกจากจะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้แล้ว การขลิบหนังหุ้มปลายยังสามารถลดโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ก่อโรคมะเร็งองคชาตและมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย
การดูแลตนเองหลังเข้ารับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
หลังเข้ารับการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ดูแลตนเองด้วยวิธีต่อไปนี้
◉ รับประทานยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวด ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
◉ รับประทานอาหารรสอ่อน หลีกเลี่ยงการรับประทานของเผ็ด หรือของหมักดอง ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
◉ สวมกางเกงใน และจัดให้องคชาตอยู่ในแนวตั้งเพื่อป้องกันแผลบวม
◉ หากมีเลือดซึม ให้ใช้ผ้าสำลี หรือผ้าก๊อซกดตรงจุดที่เลือดออก 3-5 นาที ถ้าเลือดไม่หยุดไหล ให้มาพบแพทย์ทันที
◉ หลังผ่าตัด แพทย์อาจปิดแผลไว้ 1 วัน ถ้าผ้าพันแผลหลุดก็ไม่ต้องปิดแผลอีก ห้ามใส่ยาใดๆ หรือแป้งที่แผล
◉ รักษาความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดเสมอ ไม่ปล่อยให้อับชื้น โดยใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดแผล (คราบเลือดและนำ้เหลือง) วันละ 2 ครั้ง และทุกครั้งหลังหลังปัสสาวะ หรืออุจจาระ
◉ ควรมาทำแผลที่โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านทุกวัน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะแห้ง
◉ หลังผ่าตัด 5 วัน สามารถอาบน้ำได้ (แต่ห้ามแช่น้ำ) และจะต้องใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้งทันที ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม
◉ หลังผ่าตัดไม่ต้องตัดไหม เพราะไหมเย็บจะละลาย และหลุดไปเอง ประมาณ 1-2 สัปดาห์
◉ ปกติแล้ว แผลจะหายภายใน 7-10 วัน และผู้ใหญ่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ภายใน 1เดือน